วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553

ผู้กำกับ Quentin Tarantino (เควนติน ทาแรนติโน)



ประวัติย่อ ::

--------------------------------------------------------------------------------

ด้วยจินตนาการที่แสนร่าเริงและการอุทิศตัวให้กับการเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยรายละเอียด เควนติน ทาแรนติโน่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะหนึ่งในผู้สร้างภาพยนตร์ที่ได้รับคำชมมากที่สุดคนหนึ่งแห่งยุค

เมื่อไม่นานมานี้ ทาแรนติโน่ได้ร่วมมือกับ โรเบิร์ต ร็อดริเกซ เพื่อสร้างภาพยนตร์เรื่อง GRINDHOUSE ที่แบ่งออกเป็นสองส่วน โดยในส่วนของทาแรนติโน่ ที่มีชื่อตอนว่า DEATH PROOF พูดถึงเรื่องราวเบื้องหลังของฆาตกรโรคจิตที่ออกสังหารผู้คนด้วยรถของเขา

ทาแรนติโน่ยังนำพาคนดูตระเวนไปทั่วโลกในภาพยนตร์เรื่อง KILL BILL VOL. 1 และ KILL BILL VOL. 2 ซึ่งนำแสดงโดย อูม่า เธอร์แมน ซึ่งรับบทเป็น “เจ้าสาว” KILL BILL VOL. 1 และ KILL BILL VOL. 2 ยังนำแสดงโดยเดวิด คาร์ราดีน นักแสดงชายรุ่นใหญ่ที่เพิ่งเสียชีวิตไป และลูซี่ ลิว, ดาริล ฮันนาห์, วิวีก้า เอ ฟ็อกซ์ และไมเคิล แม็ดเซ่น

หลังความสำเร็จทั่วโลกของ KILL BILL VOL. 1 และ KILL BILL VOL. 2 ทาแรนติโน่ได้ฉวยโอกาสที่จะได้ร่วมงานกับเพื่อนซี้ โรเบิร์ต ร็อดริเกซ ด้วยการเป็นผู้กำกับรับเชิญพิเศษให้กับภาพยนตร์ทริลเลอร์ เรื่อง SIN CITY ซึ่งสร้างจากนิยายภาพของ แฟรงก์ มิลเลอร์

จากนั้น ทาแรนติโน่ได้หันเหความสนใจไปสู่งานจอแก้ว โดยเขาได้กำกับตอนสุดท้ายของ CSI ในซีซั่น 5 ที่มีชื่อตอนว่า “Grave Danger” ซึ่งทำให้ทาแรนติโน่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี่ สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์ซีรีส์แนวดราม่า ทาแรนติโน่จับงานกำกับผลงานจากทีวีชิ้นแรกในปี 1995 ด้วยตอนหนึ่งของซีรีส์ดราม่าเรื่อง ER ตอน “Motherhood”

ทาแรนติโน่เขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่อง JACKIE BROWN ที่สร้างจากนิยายของเอลมอร์ เลนนาร์ด เรื่อง Rum Punch ซึ่งนำแสดงโดยแพม เกรียร์, โรเบิร์ต ฟอร์สเตอร์, ซามวล แอล แจ็คสัน, โรเบิร์ต เดอ นีโร, บริดเจ็ต ฟอนด้า และไมเคิล คีตัน

ทาแรนติโน่ร่วมเขียนบท, กำกับ และแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง PULP FICTION ซึ่งคว้ารางวัล Palme D’Or ที่งานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในปี 1994 และได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม PULP FICTION ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 7 รางวัล รวมถึงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม และทาแรนติโน่คว้ารางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดยจอห์น ทราโวลต้า, บรูซ วิลลิส, อูม่า เธอร์แมน, ซามวล แอล แจ็คสัน, เอริค สตอลท์ซ, ฮาร์วี่ย์ ไคเทล, ทิม ร็อธ, มาเรีย เดอ เมไดรอส, อาแมนด้า พลัมเมอร์ และคริสโตเฟอร์ วอลเกน

เขาประเดิมผลงานชิ้นแรกอย่างอาจหาญด้วยภาพยนตร์เรื่อง RESERVOIR DOGS เรื่องราวของตำรวจกับผู้ร้ายที่ทาแรนติโน่เขียนบท, กำกับ และอำนวยการสร้างด้วยทุนสร้างน้อยนิด ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดยทีมนักแสดงที่มีฝีมืออย่างฮาร์วี่ย์ ไคเทล, สตีฟ บุสเซมี่, ทิม ร็อธ และไมเคิล แม็ดเซ่น

หลังความสำเร็จของ RESERVOIR DOGS บทภาพยนตร์ที่ทาแรนติโน่เขียนเอาไว้สมัยที่เขายังทำงานเป็นพนักงานในร้านวิดีโอ กลายเป็นสมบัติที่ทุกคนต้องการ โทนี่ สก็อตต์ได้กำกับคริสเตียน สเลเตอร์ และแพทริเซีย อาร์เค็ตต์ ในภาพยนตร์เรื่อง TRUE ROMANCE และโรเบิร์ต ร็อดริเกซ ได้กำกับ จอร์จ คลูนีย์ และซัลม่า ฮาเย็ก ในภาพยนตร์เรื่อง FROM DUSK TILL DAWN

ทาแรนติโน่ยังร่วมกำกับภาพยนตร์ที่แบ่งออกเป็นตอน ๆ กับอัลไลสัน อันเดอร์ส, โรเบิร์ต ร็อดริเกซ และอเล็กซานเดอร์ ร็อคเวลล์ ในผลงานเรื่อง FOUR ROOMS


ผลงานของ ผู้กำกับ Quentin Tarantino (เควนติน ทาแรนติโน)

ชื่ออื่นๆ :
ชื่อไทย : ศึกหม้อไฟ ซามูไรจิ้มจุ่ม
ผู้กำกับ : ทาคาชิ มิอิเกะ
ผู้แต่ง : ทาคาชิ มิอิเกะ, มาซะ นากามูระ
วันเข้าฉาย : 04/09/2008
ประเภท : Action, Western
ความยาว : 120 นาที
เรท : เรท R
สถานที่ถ่ายทำ : Japan
ภาษา : อังกฤษ

เนื้อเรื่องย่อ เนิ่นนานนับร้อยๆ ปีหลังจากที่ศึกดันโนอุระอันเลื่องลือ (ในปี 1185) ผ่านพ้นไป ณ หมู่บ้านเชิงเขาอันห่างไกลในญี่ปุ่น สถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง เมื่อกองทหารชุดขาวแห่งเกนจิ (ตระกูลมินะโมโตะ) ภายใต้การนำของ โยชิตสึเนะ กับกองทหารชุดแดงแห่งเฮอิเกะ (ตระกูลไทระ) ภายใต้การนำของ คิโยโมริ เกิดการปะทะกันเพื่อครอบครองขุมทองลี้ลับในตำนาน
เมื่อหนุ่มพเนจรนิรนามผู้มีอดีตอันขมขื่นเดินทางมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้พร้อมด้วยความแม่นปืนไร้เทียมทาน ก็กลายเป็นที่หมายปองของทั้งสองตระกูลทันที

การช่วงชิงอำนาจ, การทรยศหักหลัง, ราคะ และเรื่องรักที่พัวพันกันยุ่งเหยิง กำลังก่อให้เกิดการนองเลือด สงครามไทระ-มินาโมโตะในประวัติศาสตร์จะกลับมามีบทบาทอีกครั้งใน “มะกะโรนี เวสเติร์น” อันแสนวุ่นวายนี้



ชื่ออื่นๆ : พั๊ลพ์ ฟิคชั่น
ชื่อไทย : เขย่าชีพจรเกินเดือด
ผู้กำกับ : เควนติน ทาแรนติโน
ผู้แต่ง : เควนติน ทาแรนติโน
วันเข้าฉาย : 13/10/1994
ประเภท : Crime, Drama
ความยาว : 154 นาที
เรท :
สถานที่ถ่ายทำ : United States
ภาษา : อังกฤษ

เนื้อเรื่องย่อ ภาพยนตร์สุดคลาสสิก ผลงานอำมตะสุดยิ่งใหญ่ของ เควนติน ทาเรนติโน่ ที่สามารถสะกดคนทั่วโลก ให้ตะลึงมาแล้วในเทสกาลเมืองคานส์ และยังเป็นภาพยนตร์ที่รวมซุปเปอร์สตาร์ฮอลลีวู้ดชื่อดังอย่าง จอห์น ทราโวลต้า, แวมมวลแอล.แจ็คสัน, บรู๊ซ วิลลิส จาก Sin City และ นักฆ่าสาวจาก Kil Bill ทั้ง 2 ภาค อย่าง อูม่า เธอร์แมน ร่วมประชันบทบาทกันอย่างเฉือดเชือดชวนให้ติดตาใน "PULP FICTION พั๊ลพ์ ฟิคชั่นเขย่าชีพจรเกิดเดือด" ที่การันตีด้วยรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
3 เรื่องราวความบังเอิญของคนที่กำลังจะซวยแบบที่ใครก็ช่วยไม่ได้กำลังจะเกิด และเหตุการณ์ทั้งหมดกลับเกี่ยวพันกันอีกต่างหาก...เริ่มจาก 2 มือปืนสุดเห่ยวินเซนต์ และ จูลล์ ได้รับมอบหมายให้ดูแล มีอา ภรรยาเจ้านายเป้อนย่างดีเพียง 1 คืน แต่เรื่องร้ายก็เกิดจนได้เมื่อพวกเขาทั้งหมดดันไปเจ๊อะกับโจรกระจอกผัวเมียที่ซ่าส์ปล้นร้านอาหารที่ตัวเองเพิ่งเข้ามารับประทานไปเมื่อกี๊...โดยหารู้ไม่ว่าวันกาลากิณีวันนี้เป็นวันที่ วอลเลซ เจ้านายของมือปืนคู่หูอารมณ์เดือดพล่าน เพราะแผนล้มมวยที่วางไว้ถูก บุตช์ คอลลิดจ์ หักหลัง หวังรับเงินรางวัลก้อนใหญ่กว่า ไม่เพียงแต่ชกชนะแต่บุตช์ดันปล่อยหมัดน็อกคู่ต่อสู้จนวิญญาณไปสู่ยมโลกอีกด้วย...มีแต่เรื่องให้เจ้าพ่อขัดใจ งานนี้ไม่ใครก็ใครต้องโดนสำเร็จโทษแน่นอน!



ชื่ออื่นๆ : Kill Bill
ชื่อไทย : นางฟ้าซามูไร
ผู้กำกับ : เควนติน ทาแรนติโน
ผู้แต่ง : เควนติน ทาแรนติโน
วันเข้าฉาย : 21/11/2003
ประเภท : Action, Crime, Drama, Thriller
ความยาว : 111 นาที
เรท : เรท R
สถานที่ถ่ายทำ : China ,Japan ,United States
ภาษา : อังกฤษ
เนื้อเรื่องย่อ หลังจากที่ตั้งท้องกับ Bill (เดวิด คาราดีน) หัวหน้าองค์กรและคนรักของเธอ The Bride (อูมา เธอร์แมน) ตัดสินใจที่จะถอนตัวออกจาก DiVAS เพื่อไปใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา โดยการเข้าพิธีแต่งงานกับชายคนหนึ่ง แต่แล้วในงานแต่งงานของเธอ บิลกับเหล่านักฆ่าขององค์กร ได้บุกเข้ามาที่งาน และถึงแม้เธอจะบอกเขา ในวินาทีแห่งความเป็นความตายว่า เธอตั้งท้องลูกของเขาอยู่แต่ บิลก็ตัดสินใจที่จะจบความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา โดยการยิงไปที่ศีรษะของเธอ

The Bride รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด บิลส่ง California Mountain Snake (แดรีล ฮันนาห์) ไปจัดการกับเธอในโรงพยาบาล จนเธอต้องตกอยู่ในอาการโคม่า 4 ปี ต่อมาเมื่อเธอฟื้นขึ้นมาจากอาการโคม่าอย่างน่าอัศจรรย์ ...ปฏิบัติการณ์ตามล่าล้างแค้น Kill Bill จึงเริ่มต้นขึ้น!


เป้าหมายแรก : Cottonmouth หรือ โอเรน อิชิอิ (ลูซี่ ลิว) นักฆ่าสาวจากแดนอาทิตย์อุทัย อิชิอิมีความแค้นฝังใจ ที่พ่อแม่ถูกฆ่าตายตั้งแต่อายุ 7 ปี จนอายุ 11 ปี เธอเริ่มออกตามล่า ล้างแค้นศัตรูที่ฆ่าครอบครัว ความสามารถเฉพาะตัวของเธอ ทำให้เธอกลายเป็นหัวหน้าแก๊งยากูซ่าหญิงคนแรก ของประเทศญี่ปุ่น


โอกินาว่า : เพื่อเป้าหมายปฏิบัติการณ์ตามล่า The Bride ได้ฝึกปรือฝีมือการฟันดาบ กับตำนานยอดฝีมือนินจาอย่าง ฮัตโตริ ฮันโซ (ซอนนี่ ชิบะ)


โตเกียว : ปฏิบัติการณ์ล้างเลือดเริ่มต้นขึ้นที่ The House of Blue Leaves สถานที่นัดประชุมแก๊ง The Crazy 88 ที่นั่น The Bride ต้องผ่านด่านชายชุดดำ ผู้คุ้มกันของโอรินกว่า 100 คน และ 2 มือขวาผู้คุ้มกันด่านสุดท้ายอย่าง โซฟี ฟาทาล (จูลี่ ดรัยฟัส) นักฆ่าสาวเลือดเย็น กับ โก โก ยูบาริ (ชิอากิ คุริยาม่า) สาวน้อยลูกตุ้มมรณะ บอดี้การ์ดส่วนตัวของ โอเรน อิชิอิ


....ท่ามกลางหิมะที่โปรยปราย The Bride และ โอเรน อิชิอิ จะต้องตัดสินกันด้วยเพลงดาบสุดท้าย ว่าใครกันแน่คือผู้ที่เป็นหนึ่ง....

ภายหลังการต่อสู้ที่ The House of Blue Leaves บิลรับรู้สารท้าดวลจาก The Bride ด้วยใบหน้าที่เย็นชา... แต่เบื้องหลังใบหน้านั้น บิลรู้ดีว่า เขายังมีไพ่ไม้ตายใบเด็ดเก็บซ่อนอยู่...





ชื่ออื่นๆ : Kill Bill 2
ชื่อไทย : นางฟ้าซามูไร 2
ผู้กำกับ : เควนติน ทาแรนติโน
ผู้แต่ง : เควนติน ทาแรนติโน
วันเข้าฉาย : 20/05/2004
ประเภท : Action, Crime, Drama, Thriller
ความยาว : 136 นาที
เรท : เรท R
สถานที่ถ่ายทำ :
ภาษา : อังกฤษ

เนื้อเรื่องย่อ การกลับมาอีกครั้งของภาพยนตร์ชุด Kill Bill ของ เควนติน ทาแรนติโน ที่เริ่มต้นจากการเดินทางตามสะสางของ 'The Bride' (อูมา เธอร์แมน) ที่มีรายชื่อคงค้างชำระหนี้แค้นอีก 3 รายที่เหลืออยู่ โดย 2 รายก่อนหน้านี้ โอเรน อิชิอิ (ลูซี่ ลิว) และ เวอร์นิต้า กรีน (วิวีก้า เอ. ฟอกซ์) ได้ปิดบัญชีเลือดไปเรียบร้อยแล้ว โดยเหลือสมาชิกแก๊งอสรพิษเพชรฆาตอีก 3 รายคือ บั๊ดด์ (ไมเคิล แมดเซน), แอลล์ ไดร์เวอร์ (แดรีล ฮันนาห์) และ บิลล์ (เดวิด คาราดีน) ที่เธอยังคงเดินหน้าไล่ล่าต่อไป ซึ่งหลังจาก Vol.1 ไม่นานเธอก็ค้นพบความจริงที่ว่า ลูกสาวของเธอยังคงมีชีวิตอยู่ เธอจึงเปลี่ยนจุดมุ่งหมายของภารกิจนี้ มาเป็น “ฆ่าเพราะรัก” แทนที่จะเป็น “การแก้แค้น” แต่ทุกอย่างก็ไม่ง่ายเหมือนที่เธอคาดไว้ตั้งแต่แรก เมื่อเธอถูกจับได้และฝังทั้งเป็น จากผู้ที่เธอควรจะสังหารตั้งแต่แรก...


ชื่ออื่นๆ : Quentin Tarantino's Death Proof
ชื่อไทย : โชเฟอร์บากพญายม
ผู้กำกับ : เควนติน ทาแรนติโน
ผู้แต่ง : เควนติน ทาแรนติโน
วันเข้าฉาย : 26/07/2007
ประเภท : Action, Horror, Sci-Fi, Thriller
ความยาว : 125 นาที
เรท : เรท R
สถานที่ถ่ายทำ : United States
ภาษา : อังกฤษ

เนื้อเรื่องย่อ เมื่อดีเจสาวสุดฮ็อตแห่งออสติน จังเกิ้ล จูเลีย (ซิดนี่ ทาเมีย พอยเทียร์) ได้โอกาสที่จะออกตะลุยราตรีกับเพื่อนสนิทอีกสองคนคือ แชนน่า (จอร์แดน แลด) กับอาร์ลีน (วาเนสซ่า เฟอร์ลิโต้) สามสาวเสน่ห์เหลือร้ายก็ตั้งใจว่าจะสนุกกับค่ำคืนแบบหญิง ๆ กันอย่างสุดเหวี่ยงโดยออกจากร้านเจอร์โร่ มุ่งหน้าไปยังร้านเท็กซัส ชิลลี่ พาร์เลอร์ ด้วยเจตนาบริสุทธิ์อยากสนุกสนานกันล้วน ๆ หากแต่พวกเธอกลับโดนสตั้นท์แมน ไมค์ (เคิร์ท รัสเซล) ติดตามทุกฝีก้าว เขาเป็นพวกต่อต้านสังคมที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนมีแผลเต็มเต็มตัว และตอนนี้ก็ขับรถคู่ใจคันยักษ์ไล่ตามหลังสาว ๆ มาอย่างกระชั้นชิด ในขณะที่พวกเธอกำลังดื่มด่ำกับเบียร์เหยือกโต ไอ้หมวกเหล็กขาวปลอด ซึ่งเป็นอาวุธของไมค์ก็อยู่ใกล้แค่คืบ...



ชื่ออื่นๆ : Inglorious Basterds
ชื่อไทย : ยุทธการเดือดเชือดนาซี
ผู้กำกับ : เควนติน ทาแรนติโน
ผู้แต่ง : เควนติน ทาแรนติโน
วันเข้าฉาย : 20/08/2009
ประเภท : Action, War
ความยาว : 153 นาที
เรท : เรท R
สถานที่ถ่ายทำ : Germany ,United States
ภาษา : เยอรมัน ,อังกฤษ ,ฝรั่งเศส ,อิตาเลียน
เนื้อเรื่องย่อ วิจารณ์ภาพยนตร์ "Inglorious Basterds ยุทธการเดือดเชือดนาซี"

ในปีแรกที่เยอรมันบุกเข้ายึดครองฝรั่งเศส โชซานน่า ไดรย์ฟัส (เมลานี่ โลรอง) ได้เห็นเหตุการณ์การสังหารสมาชิกในครอบครัวของเธอด้วยน้ำมือของนาซี พันเอกฮานส์ แลนดา (คริสทอฟ วอลทซ์) โชซานน่าแอบหลบหนีและเดินทางมายังปารีส ที่ซึ่งเธอได้สร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ในฐานะเจ้าของ และพนักงานของโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่ง

ณ อีกที่หนึ่งในยุโรป ร้อยโทอัลโด เรน (แบรด พิตต์) ได้จัดตั้งกลุ่มทหารอเมริกันเชื้อสายยิวขึ้น เพื่อลงมือล้างแค้นอย่างฉับไวและน่าตกใจ ซึ่งต่อมาทหารกลุ่มนี้เป็นที่รู้จักในหมู่ศัตรูในชื่อ “แก๊งค์สุดแสบ” หน่วยของเรนได้ร่วมมือกับบริดเจ็ต วอน แฮมเมอร์สมาร์ก (ไดแอน ครูเกอร์) นักแสดงหญิงชาวเยอรมันซึ่งเป็นสายลับ ในภารกิจโค่นกลุ่มผู้นำนาซี โชคชะตามาบรรจบกันภายใต้เจ้าหญิงแห่งโรงหนัง ที่ซึ่งโชซานน่าได้วางแผนการแก้แค้นของเธอเอง...

ด้วยการใช้หลักการในมาตรฐานเท่าเทียมกัน ภาพยนตร์เรื่อง INGLOURIOUS BASTERDS ของเควนติน ทาแรนติโน่ ได้ถักทอร้อยเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ โด่งดัง ทุกข์ทน และเป็นจริงของสงครามโลกครั้งที่ 2 เข้าด้วยกัน

ผู้กำกับ David Lynch


David Keith Lynch (born January 20, 1946) is an American director, screenwriter, producer, painter, cartoonist, composer, video and performance artist. Lynch has received three Academy Award nominations for Best Director, for The Elephant Man (1980),[1] Blue Velvet (1986),[2] and Mulholland Drive (2001).[3] Lynch has won awards at the Cannes Film Festival and Venice Film Festival.

Over a lengthy career, Lynch has employed a distinctive and unorthodox approach to narrative film making (dubbed Lynchian), which has become instantly recognizable to many audiences and critics worldwide. Lynch's films are known for surreal, nightmarish and dreamlike images and meticulously crafted sound design. Lynch's work often explores the seedy underside of "Small Town U.S." (particularly Blue Velvet and Twin Peaks), or sprawling California metropolises (Lost Highway, Mulholland Drive and his latest release, Inland Empire). Beginning with his experimental film school feature Eraserhead (1977), he has maintained a strong cult following despite inconsistent commercial success.

ผู้กำกับ David Lean


ผลงานของ David Lean มักมาพร้อมกับความยิ่งใหญ่ของเทคนิคงานสร้างที่น่าทึ่ง และเป็นที่ชื่นชอบของ
เวทีรางวัลทั้งหลายด้วย แนวทางในหนังของ Lean มักเกี่ยวเนื่องกับการผจญภัย เพื่อค้นหาประสบการณ์
อันมีคุณค่าด้วยตัวเอง ผลงานยิ่งใหญ่ 2 เรื่องของเขาถูกยกให้ได้รับรางวัลสูงสุดบนเวทีออสการ ์

ผู้กำกับ David Cronenberg


ประวัติย่อ :: ผลงานด้านการเขียนบทภาพยนตร์ของเขา ประกอบไปด้วย SHIVERS,RABID,FAST COMPANY,THE BROOD,SCANNERS,VIDEODROME,THE FLY (ไอ้แมลงวัน สยองพันธุ์ผสม),DEAD RINGERS,NAKED LUNCH,CRASH AND EXISTENZ ในขณะที่ผลงานที่เขากำกับจากบทภาพยนตร์ของผู้อื่นก็ได้แก่ THE DEAD ZONE,M.BUTTERFLY,SPIDER และ A HISTORY OF VIOLENCE

ผลงานภาพยนตร์ของโครเนนเบิร์กเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั่วโลก หนึ่งในผลงานเหล่านั้นก็คือ ปริญญาดุษฎีบัณฑิตอันทรงเกียรติในด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยโตรอนโต เมื่อเดือนมิถุนายน 2001 และในปี 1999 เขาก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการตัดสินในเทศกาลภาพยนตร์ที่เมือง คานส์อีกด้ว ย

โครเนนเบิร์ก จบการศึกษาในมหาวิทยาลัยที่โตรอนโต ซึ่งที่นี่เองที่เขาเริ่มให้ความสนใจในด้านของภาพยนตร์ และเริ่มต้นถ่ายหนังสั้น 16 มม. เรื่อง TRANSFER และ FROM THE DRAIN ส่วนภาพยนตร์ขนาด 35 มม.เรื่องแรกของเขาก็คือ STEREO และ CRIMES OF THE FUTURE

ต่อมาในปี 1975 โครเนนเบิร์กได้เริ่มต้นผลงานเชิงการค้าเรื่องแรกคือ SHIVERS ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นภาพยนตร์ที่ได้ทุนคืนเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ ของแคนาดา ผลงานเรื่องต่อมาของเขาคือ RABID นำแสดงโดย มาร์ลิน แชมเบอร์ ที่ทำรายได้กว่า 7 ล้านเหรียญ ด้วยเงินลงทุนเพียง 500,000 เหรียญเท่านั้น ต่อจากนั้นเขาก็ได้กำกับหนังแข่งรถเรื่อง FAST COMPANY เป็นลำดับต่อมา ผลงานต่อมาของโครเนนเบิร์กได้แก่ THE BROOD ในปี 1979 นำแสดงโดย โอลิเวอร์ รี๊ด และ ซาแมนธา เอ็คการ์ หลังจากนั้นเขาก็ได้กำกับหนังที่มีงบประมาณสูงขึ้นได้แก่ SCANNERS ที่ว่าด้วยเรื่องราวของพลังจิตลึกลับที่อยู่ภายในสังคม ซึ่งกลายมาเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงอันดับหนึ่งของอเมริกาเหนือ

เรื่องถัดมาคือ VIDEODROME นำแสดงโดย เจมส์ วู๊ด และร็อคสตาร์ชื่อดังอย่าง เดบอร่า แฮร์รี่ ซึ่งออกฉายเมื่อต้นปี 1983 อันนับได้ว่าเป็นการเปิดตลาดไซเบอร์พังค์เป็นครั้งแรก

ตามติดด้วย THE DEAD ZONE ในปี 1984 ที่สร้างขึ้นจากนวนิยายขายดีของ สตีเฟ่น คิง อำนวยการสร้างโดย ดิโน เดอ ลอเรนติส จัดจำหน่ายดดย พาราเมาท์ พิคเจอร์ส และนำแสดงโดย คริสโตเฟอร์ วอลเค่น,บรู๊ค อดัมส์ และ มาร์ติน ชีน
ต่อมา เมลบรู๊ค ได้ทาบทามให้โครเนนเบิร์กมากำกับฯเรื่อง THE FLY (ไอ้แมลงวัน สยองพันธุ์ผสม) ให้กับทเว็นตีธ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ จากการนำแสดงของ จีน่า เดวิส และ เจฟฟ์ โกลด์บลัม และกลายมาเป็นหนังยอดฮิตที่ได้รับคำชมมากมายจากบรรดานักวิจารณ์ รวมทั้งยังคว้ารางวัลออสการ์สาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยมอีกด้วย

งานต่อมาได้แก่ DEAD RINGERS นำแสดงโดย เจเรมี่ ไอรอน และ เจเนเวียฟ บูโจลด์ ซึ่งเป็นหนังเขย่าขวัญสั่นประสาทที่ว่าด้วยเรื่องราวของฝาแฝดที่แยกกันไม่ ออก ซึ่งหลงรักหญิงสาวคนเดียวกันจนนำมาสู่โศกนาฎกรรมในที่สุด

ต่อมาในปี 1989 โครเนนเบิร์ก เขียนบทภาพยนตร์ให้กับหนังเรื่อง NAKED LENCH ซึ่งถ่ายทำในโตรอนโตเมื่อปี 1991 นำแสดงโดย ปีเตอร์ เวลเลอร์,จูดี้ เดวิส,เอียน โฮล์ม,จูเลียน แซนด์,โมนิค เมอร์เคียวร์,นิโคลัส แคมเบล,ไมเคิล เซลนีเกอร์ และ รอย ชไนเดอร์

และในปี 1992 โครเนนเบิร์ก สร้าง M.BUTTERFLY นำแสดงโดย เจเรมี ไอรอนส์ และ จอห์น โลน ซึ่งดัดแปลงมาจากละครบรอดเวย์ยอดฮิต ที่บอกเล่าเรื่องราวของทูตชาวฝรั่งเศสที่หลงใหลในอุปรากรจีน และท้ายที่สุดเขาก็มารู้ว่า รักแท้ของเขานั้นแท้ที่จริงแล้วเธอเป็น “ชาย”

ในปีเดียวกันนั้น NAKED LENCH คว้ารางวัลจีนี่ถึง 8 รางวัลด้วยกันรวมทั้งรางวัล ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม,ผู้กำกับฯยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นอกเหนือจากนี้ สมาคมนักวิจารณ์แห่งชาติยังโหวตให้โครเนนเบิร์กเป็นผู้กำกับฯยอดเยี่ยม และผู้เขียนบทยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับ สมาคมนักวิจารณ์แห่งนิวยอร์ก ก็ยังมอบรางวัล บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ให้กับเขาจากผลงานเรื่องนี้อีกด้วย

ผลงานเรื่องต่อมาของเขาคือ CRASH จากการนำแสดงของ ฮอลลี่ ฮันเตอร์,เจมส? สเปเดอร์,เอเลียส โคทีส ที่ว่าด้วยเรื่องราวของเทคโนโลยีและอารมณ์ ก็สามารถคว้ารางวัลจูรี่ไพร์ส จากงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในปี 1996

นอกจากนี้ในปี 1995 โครเนนเบิร์กยังได้เขียนเรื่อง EXISTENZ ที่เขาได้แรงบันดาลใจจากการที่ได้พูดคุยกับผู้เขียนคือ ซัลแมน รัซดี้ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับนักออกแบบเกมที่คิดว่า การออกแบบเกมเป็นงานศิลปะแบบหนึ่ง โดยที่มีดาราสาว เจนนิเฟอร์ เจสัน ลีห์ รับบทผู้ออกแบบเกมที่เป็นปรปักษ์กับดาราหนุ่ม จู๊ด ลอว์ พนักงานรักษาความปลอดภัยหนุ่มที่ถูกนำเข้ามาอยู่ในโลกของลีห์ ร่วมด้วย วิลเล็ม ดาโฟ,เอียน โฮล์ม,ซาร่า โพลลี่,ดอน แมคเคลลาร์ และ คัลลัม เคท เรนนี่ ผู้รับบทเป็นฮีโร่และตัวร้ายที่โลดแล่นอยู่ในเกม หนังได้รับรางวัลหมีเงินในเทศกาลภาพยนตร์ที่เมืองเบอร์ลิน รวมทั้งรางวัลจีนี่อวอร์ดสในสาขาตัดต่อยอดเยี่ยม ผลงานถัดมาได้แก่ SPIDER นำแสดงโดยนักแสดงหนุ่มชาวอังกฤษ เรล์ฟ ไฟน์ส ร่วมด้วยนักแสดงรุ่นเยาว์ แบรดลีย์ ฮอลล์

และโครเนนเบิร์กยังมีโอกาสได้ปรากฎตัวในหนังหลายต่อหลายเรื่องอาทิ INTO THE NIGHT,THE DEAD ZONE,THE FLY,TO DIE FOR,NIGHTBREED,MOONSHINE,HIGHWAY,TRIAL BY JURY,THE STUPIDS,HENRY & VERLIN,LAST NIGHT,RESURECTION,THE JUDGE และ JASON X

ผู้กำกับ Darren Aronofsky


ประวัติย่อ :: ดาร์เร็น แอโรนอฟสกี้ กำกับ “Pi” เป็นภาพยนตร์เรื่องแรก และกลายเป็นภาพยนตร์อิสระที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างกว้างขวาง ซึ่งเขาก็เป็นผู้ร่วมเขียนบทภาพยนตร์ด้วย ส่งให้เขาได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมากมาย รวมทั้ง Director’s Award จาก Sundance Film Festival เมื่อปี 1998 และรางวัล Independent Spirit Award สาขา Best First Screenplay ด้วย

ผลงานภาพยนตร์เรื่องที่สองของเขาชื่อ “Requiem for a Dream” เปิดฉายรอบปฐมทัศน์ที่ Cannes Film Festival เมื่อปี 1999 และชนะใจทั้งนักวิจารณ์ และผู้ชมในวงกว้าง ภาพยนตร์ที่นำแสดงโดย เอลเล็น เบอร์สติน , จาเร็ด เล็ทโท, เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี่, และมาร์ลอน เวยาน เรื่องนี้ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Independent Spirit Award ถึงห้าสาขา รวมทั้งสาขา Best Feature และแอโรนอฟสกี้ก็ได้เข้าชิงสาขา Best Director ด้วย ทั้งยังเป็นภาพยนตร์ติดอันดับ Top-Ten Lists ในปี 2000 ของ 150 กว่าสำนักรวมทั้ง The New York Times, Rolling Stone, Entertainment Weekly, American Film Institute และส่งให้ เบอร์สติน คว้ารางวัล Spirit Award สาขา Best Actress และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ , รางวัลลูกโลกทองคำ , และรางวัล SAG Award ด้วย แอโรนอฟสกี้ กับ อีริค วัตสัน คู่หูอำนวยการสร้างภาพยนตร์ร่วมกันก่อตั้งบริษัทสร้างภาพยนตร์ Protozoa Pictures ในปี 1996 เพื่อพัฒนางานสร้างภาพยนตร์หลายเรื่อง และยังแตก Amoeba Proteus ออกมาเพื่อเป็นบริษัทสร้างภาพยนตร์แอนนิเมชั่น

แอโรนอฟสกี้ เกิดในบรู้คลินจบการศึกษาจาก Edward R. Murrow High School และเรียนต่อด้านภาพยนตร์และแอนนิเมชั่นที่ Harvard University ภาพยนตร์ปริญญานิพนธ์เรื่อง “Supermarket Sweep” ของเขาคว้ารางวัลระดับนานาชาติมากมาย และยังเข้ารอบสุดท้าย Student Academy Awards ในปี 1991 เขาจบศิลปะศาสตร์มหาบัณฑิตสาขาการกำกับ (M.F.A. in Directing) จาก American Film Institute ในปี 1994 ต่อมาในปี 2001 ทาง AFI ก็มอบรางวัล Franklin J. Schaffner Alumni Medal ให้เขาด้วย

ผู้กำกับ Danny Boyle


แดนนี่ บอยล์กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกคือ Shallow Grave ก็คว้ารางวัล BAFTA Alexander Korda Award for Outstanding British Film มาครอง และยังได้รางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Director) จากเทศกาล San Sebastian Film Festival, รางวัล The Empire Award สาขา (Best Director) กับสาขาภาพยนตร์อังกฤษยอดเยี่ยม (Best British Film), และรางวัล London Critics’ Circle Film Award สาขาผู้กำกับภาพยนตร์หน้าใหม่ยอดเยี่ยม (Best British Newcomer) ด้วย

Trainspotting ภาพยนตร์เรื่องที่สองของบอยล์กลายเป็นภาพยนตร์อังกฤษที่ทำรายได้สูงสุดตลอด กาล และคว้ารางวัล Empire Awards ถึงสี่สาขา รวมทั้งผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Director) และสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Film) และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล BAFTA Alexander Korda Award

ในปี 2002 บอยล์สร้างภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง 28 Days Later ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง และทำรายได้ทั่วโลกกว่า 80 ล้านเหรียญ และยังคว้ารางวัล Saturn Award สาขา Best Horror Film จาก Academy of Science Fiction, Fantasy and Horror Films ด้วย

ผลงานการสร้างภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ของบอยล์ก็มี Millions ที่นำแสดงโดยเจมส์ เนสบิท (James Nesbit), อเล็กซ์ เอ็ทเทล (Alex Etel), และลิวอิส แม็คกิบบอน (Lewis McGibbon), The Beach ที่นำแสดงโดยลีโอนาโด ดีแค็พปริโอ้ (Leonardo Di Caprio), A Life Less Ordinary ที่นำแสดงโดยยวน แม็คเกร็กเกอร์ (Ewan McGregor) กับคาเมรอน ดิแอซ (Cameron Diaz), และ Alien Love Triangle

เขายังมีผลงานทางโทรทัศน์มากมาย รวมทั้งอำนวยการสร้าง Elephant ของอลัน คล้าร์ก (Alan Clark), กำกับ Strumpet, Vacuuming Completely Nude in Paradise, และ Mr. Wroe’s Virgins ภาพยนตร์ชุดที่ส่งให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล BAFTA ด้วย

บอยล์เริ่มงานแวดวงบันเทิงจากละครเวทีเรื่อง Victory ของโฮเวิร์ด บาร์เกอร์ (Howard Barker), The Genius ของโฮเวิร์ด เบร็นตั้น (Howard Brenton), และ Saved ของเอ็ดเวิร์ด บอนด์ (Edward Bond) ที่ได้รับรางวัล Time Out Award บอยล์ยังกำกับละครเวทีของ Royal Shakespeare Company อีกห้าเรื่องด้วย

ผู้กำกับ D.W. Griffith


David Llewelyn Wark "D. W." Griffith (January 22 1875 – July 23, 1948) was a premier pioneering Academy Award-winning American film director. He is best known as the director of the controversial 1915 film The Birth of a Nation and the subsequent film Intolerance (1916).[1

บิดาแห่งวงการภาพยนตร์อเมริกัน ในยุคหนังเงียบ ผลงานคลาสสิคที่ได้รับการพูดถึงอยู่เสมอก็คือ
The Birth of a Nation ซึ่งมาพร้อมกับงานสร้างอันยิ่งใหญ่ในยุคสมัยนั้

ผู้กำกับ Curtis Hanson


เคอร์ติส แฮนสัน ได้อำนวยการสร้าง ร่วมเขียนและกำกับการแสดงภาพยนตร์เรื่อง L.A. Confidential ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลตุ๊กตาทองถึง 9 รางวัลรวมทั้งการเสนอชื่อสำหรับตัวแฮนสันเองถึง 3 รางวัลในฐานะ ผู้กำกับการแสดงยอดเยี่ยม ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ซึ่งนำมาจากสื่อชนิดอื่น โดยได้รับรางวัลตุ๊กตาทองในประเภทสุดท้ายนี้

แฮนสันยังได้อำนวยการสร้างและกำกับการแสดงเรื่อง 8 Miles และเรื่อง Wonder Boys ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลตุ๊กตาทองหลายรางวัลด้วยกันโดยได้รับ รางวัลเพลงประกอบยอดเยี่ยม ผลงานภาพยนตร์เรื่องต่อไปของเขาก็คือ เรื่อง Lucky You ของวอร์เนอร์ บราเดอร์ส ซึ่งเป็นฉากในโลกแห่งการเดิมพันไพ่โป๊กเกอร์ นำแสดงโดย ดรูว์ แบร์รี่มัวร์และอีริค บาน่า ผลงานการกำกับการแสดงที่สร้างชื่อของแฮนสันอาทิเรื่อง The River Wild เรื่อง The Hand That Rocks the Cradle เรื่อง Bad Influence และเรื่อง The Bedroom Window ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาเขียนด้วยตนเอง ผลงานการเขียนบทภาพยนตร์ของเขายังรวมไปถึงเรื่อง White Dog เรื่อง Never Cry Wolf และเรื่อง The Silent Partner แฮนสันยังได้รับการยอมรับว่าเป็นแชมป์เปี้ยนของการเก็บรักษาฟิลม์ เขาได้เป็นประธานของ UCLA Film and Television Archive ตั้งแต่ปี 1999 และยังเป็นคนแรกที่ได้รับรางวัลการเก็บรักษาฟิลม์คือ Film Preservation Award ซึ่งมอบให้โดยสมาคม Film Foundation และรางวัล the Directors Guild of America ในปี 2003

ผู้กำกับ Coen Brothers


Joel Coen and Ethan Coen, known together professionally as the Coen brothers, are four-time Academy Award winning American filmmakers. For more than twenty years, the pair have written and directed numerous successful films, ranging from screwball comedies (O Brother, Where Art Thou?, Raising Arizona, The Hudsucker Proxy) to film noir (Miller's Crossing, Blood Simple, The Man Who Wasn't There, No Country for Old Men[1]), to movies where genres blur together (Fargo, The Big Lebowski, Barton Fink and Burn After Reading). The brothers write, direct and produce their films jointly, although until recently Joel received sole credit for directing and Ethan for producing. They often alternate top billing for their screenplays while sharing film credits for editor under the alias Roderick Jaynes. They are known in the film business as "the two-headed director", as they share such a similar vision of what their films are to be that actors can approach either brother with a question and get the same answer

ผู้กำกับ Clint Eastwood


Clinton "Clint" Eastwood, Jr. (born May 31, 1930) is an American actor and filmmaker.

Eastwood is best known for his tough guy, anti-hero acting roles in western films, particularly in the 1960s, 1970s and early 1980s. His performances as the lconic Man with No Name in Sergio Leone's "Dollars trilogy" of Spaghetti Westerns which include A Fistful of Dollars (1964), For a Few Dollars More (1965) and The Good, the Bad and the Ugly (1966), and as Inspector "Dirty" Harry Callahan in the Dirty Harry films have seen him become an enduring icon of masculinity. [1]

Eastwood has won five Academy Awards — twice each as Best Director and as producer of the Best Picture and the Irving G. Thalberg Memorial Award in 1995. He has also been nominated twice for Best Actor, for his performances in Unforgiven and Million Dollar Baby. His recent films in particular, like Million Dollar Baby (2004) and Letters from Iwo Jima (2006), and also earlier Revisionist Western films such as High Plains Drifter (1973), The Outlaw Josey Wales (1976) and Unforgiven (1992) have all received a significant degree of critical acclaim.

Eastwood also has an interest in politics and was elected Mayor of Carmel-by-the-Sea, California in which he served from 1986 to 1988

ผู้กำกับ Charles Chaplin


นักแสดงหนุ่มชาวอังกฤษ ชาร์ลี เชปลิน ได้เข้ารายงานตัวเพื่อที่จะทำงานที่สตูดิโอคีย์สโตนเป็นครั้งแรก ในภาพยนตร์เรื่องแรก “เมคกิ้ง อะ ลิฟวิ่ง” (Making a Living) ซึ่งสร้าง โดยสตูดิโอสโตน ในอีกหนึ่งปีต่อมาภายหลังจากปี พ.ศ. 2456 โดยเขาแสดงเป็นวายร้ายที่มีหนวดโค้งปลายทั้งสองข้าง พร้อมกับแว่นตาข้างเดียว

เชปลินกลายเป็นนักแสดงที่มีคนรักมากที่สุดในยุคของหนังเงียบ เริ่มต้นด้วยภาพยนตร์ เรื่องที่สามในชีวิตเรื่อง “เดอะแทรมป์” (The Tramp) ออกฉายในปีพ.ศ. 2458 เชปลินชนะใจ ชาวอเมริกัน ผู้ที่ชื่นชอบในภาพยนตร์ ด้วยการแสดงที่ดึงดูดความสนใจได้ดี ในบทบาทเด็กจรจัด (Little Tramp) ในบทของเด็กหนุ่มที่มีความน่ารัก ซึ่งสวมหมวกทรงกลมสีดำ เสื้อสูทตัวหลวมและ สีหน้าที่แสดง ถึงความอาภัพอย่างไร้เดียงสา

ในช่วงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็มีภาพยนตร์เรื่องต่อมา “อีซี่สตรีท”(Easy Street) ฉายในปี พ.ศ. 2460 เรื่อง “เดอะคิด” (The Kid) ออกฉายในปี พ.ศ. 2464 “ซิตี้ไลท์” (City Lights )ฉายในปี พ.ศ. 2474 และ “เดอะเกรท ดิกเตเตอร์” (The Great Dictator) ฉายในปี พ.ศ. 2483 ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่อง แรกที่มีการใช้เสียงพูด ของชาร์ลี

ในที่สุดเชปลินก็กลายเป็นดาราที่ประสบความสำเร็จทางด้านการเงินมากที่สุดแห่งยุคของฮอลลีวูด เชปลินเปิดตัว เป็นนักแสดงครั้งแรกด้วยวัย 5 ขวบ เขาเป็นลูกชายของนักแสดงของลอนดอนมิวสิคฮอลล์ ในขณะที่เด็กชายเชปลินนั่งชมการแสดง จากแม่ของเขา เมื่อแม่ซึ่งแสดงอยู่เสียงแตก เขาจึงต้องขึ้นแสดงบนเวทีเพื่อให้การแสดงจบลง

พ่อ ของเชปลินเสียชีวิตเมื่อเชปลินยังเป็นเด็กเพิ่งหัดเดิน และเมื่อแม่ของเขาเส้นประสาทเสีย เชปลินและพี่ชายชื่อ ซิดนีย์ (Sydney) จึงออกตะลอนไปทั่วลอนดอน ด้วยการเต้นแสดงไปบนถนน และเก็บเงิน(การแสดงเปิดหมวก เป็นแสดงที่มีหมวกวางไว้ตรงหน้าเพื่อเรี่ยไรเงินจากผู้ชม) ในที่สุดพวกเขาได้ย้ายไปอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและเข้าร่วมกับกลุ่ม “เอท แลนคาไชร์ ลาดส์” (Eight Lancashire Lads) ซึ่งเป็นคณะแสดงการเต้นของเด็กๆ เมื่อเชปลินมีอายุได้ 17 ปี เขาได้เริ่มต้นพัฒนาการแสดงตลกที่มีฝีมือมากขึ้น โดยการช่วยเหลือจากบริษัทของเฟรด การ์โม (Fred Karno) ซึ่งพี่ชายของเชปลินได้กลายเป็นนักแสดงตลกที่มีชื่อเสียงไปก่อนหน้านี้แล้ว

ผู้กำกับ Chen Kaige


เฉิน ข่ายเกอ
(12 สิงหาคม พ.ศ. 2495 - ) เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ชาวจีน ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ

เฉิน ข่ายเกอ เกิดที่ปักกิ่ง ในวัยรุ่น ขณะประเทศจีนกำลังอยู่ในช่วงการปฏิวัติทางวัฒนธรรม เขาร่วมเป็นหนึ่งในกองทัพพิทักษ์แดง (เรดการ์ด - Red Guard) หลังสิ้นสุดการปฏิวัติวัฒนธรรม เขาเข้าศึกษาต่อที่สถาบันภาพยนตร์แห่งปักกิ่ง ในปี พ.ศ. 2521 จบการศึกษาเมื่อ พ.ศ. 2525 เป็นหนึ่งในศิษย์เก่าจากสถาบันนี้ กลุ่มที่มีชื่อเรียกว่า "ผู้กำกับภาพยนตร์จีนรุ่นที่ 5" [1]

เฉิน ข่ายเกอ กำกับภาพยนตร์เรื่องแรก เรื่อง "Yellow Earth" (2527) กำกับภาพโดย จาง อี้โหมว เพื่อนจากสถาบันภาพยนตร์แห่งปักกิ่ง ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานที่มีชื่อเสียง สร้างความเชื่อถือให้กับกลุ่มผู้กำกับภาพยนตร์จีนรุ่นที่ 5 ภาพยนตร์ที่เฉิน ข่ายเกอ กำกับมักจะนำเสนอวัฒนธรรมพื้นบ้านของจีน หรือภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์

ในปี พ.ศ. 2536 ภาพยนตร์เรื่อง "Farewell My Concubine" นำเสนอเรื่องราวของดารางิ้วในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม และสอดแทรกเนื้อหาเกี่ยวกับรักร่วมเพศ ประสบความสำเร็จอย่างสูงในระดับนานาชาติ ได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 65 และได้รางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ รางวัลบาฟต้า รางวัลลูกโลกทองคำ รางวัลซีซาร์

ในปี พ.ศ. 2545 เฉิน ข่ายเกอ หันไปกำกับภาพยนตร์ฮอลลีวูด เรื่อง "Killing Me Softly" ภาพยนตร์ระทึกขวัญภาษาอังกฤษ นำแสดงโดยฮีธเธอร์ เกรแฮม และโจเซฟ ฟีนส์ แต่ไม่ได้คำชื่นชมในทางบวกนัก

นอกจากงานกำกับแล้ว เขายังรับงานแสดงเป็นครั้งคราว เคยแสดงในเรื่อง "The Last Emperor" (พ.ศ. 2530 ชื่อไทย: จักรพรรดิโลกไม่ลืม) และแสดงในเรื่อง "Together" ภาพยนตร์ปี 2545 ที่เขาเป็นผู้กำกับเอง

ผู้กำกับ Catherine Breillat


Catherine Breillat (born July 13, 1948) is a French filmmaker and novelist. She is known for her films focusing on themes of sexuality,[1] gender conflict and sibling rivalry, as well as for her best-selling novels. Breillat has been the subject of controversy for her explicit depictions of sexuality and violence. She cast the pornstar Rocco Siffredi in her films Romance (Romance X, 1999) and Anatomie de l'enfer (Anatomy of Hell, 2003).

ผู้กำกับ Carol Reed


ผลงานเด่นสุดของ Reed คงหนีไม่พ้น The Third Man ที่ถูกยกย่องจาก BFI ให้เป็นภาพยนตร์อังกฤษที่ดีที่สุด
เท่าที่เคยมีการสร้างกันมา และงานจากวรรณกรรมคลาสสิค Oliver ที่ได้รับออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมปี 1968

ผู้กำกับ Billy Wilder


Billy Wilder (June 22, 1906 – March 27, 2002) was an Austrian-born, Jewish-American journalist, Academy Award-winning film director, screenwriter, and producer, whose career spanned more than 50 years and 60 films. He is regarded as one of the most brilliant and versatile filmmakers of Hollywood's golden age. Many of Wilder's films achieved both critical and public acclaim.

ผลงานของ Billy Wilder มอบทั้งความบันเทิง และเนื้อหาสาระ ที่ว่าด้วยการสะท้อนถึงความเลวร้าย
ของระบบทุนนิยม และชีวิตคนๆ หนึ่งที่ตกเป้นเหยื่อของสังคนนั้น Billy Wilder ยังเป็นนักเขียน
บทภาพยนตร์ที่ได้เข้าชิงออสการ์มากที่สุดถึง 12 ครั้ง (เข้าชิงสาขาผู้กำกับ 8 ครั้ง) ผลงาน 2 เรื่องของเขา
ได้รับรางวัล Oscar Best Picture (The Lost Weekend, The Apartment)

ผู้กำกับ Brian De Palma


Nationality: American. Born: Newark, New Jersey, 11 September 1940. Education: Attended Columbia University, New York, and Sarah Lawrence College (writing fellowship), 1963–64.
Family: Married 1) actress Nancy Allen, 1979 (divorced, 1984); 2) producer Gale Anne Hurd (divorced); 3) Darnell De Palma, 1995 (divorced, 1997); one child.
Career: Directed first feature, Murder a la Mod, 1967; also film teacher and instructor.
Awards: Rosenthal Foundation award for Woton's Wake, 1963; Silver Bear Award, Berlin Festival, for Greetings, 1969.

ผู้กำกับ Bille August


Nationality: Danish. Born: Copenhagen, 9 November 1948.
Education: Studied advertising photography; earned diploma as a director of photography from Danish Film School, 1971.
Family: Married Pernilla Ostergren, star of Den Goda Viljan, 1991. Career: Selected by filmmaker Jorn Donner as cinematographer on Homeward in the Night, 1976; directed his first feature, Honningmane, 1978; also directed dramas for Danish television, as well as episode of The Young Indiana Jones Chronicles for American television.
Awards: Outstanding Film of the Year, London Festival, for Zappa, 1983; Special Jury Prize, Young Peoples' Cinema Festival at Lyon, and Best Danish Film Award, for Tro, hab og kaerlighed, 1984; Culture Award, Danish Trades Union Congress, 1984; Oscar, Best Foreign Film, and Palme d'or, Cannes Festival, for Pelle erobreren, 1987; Palme d'or, Cannes Festival, for Den goda viljan, 1992

ผู้กำกับ Bernardo Bertolucci


(born March 16, 1940) is an Italian writer and Academy Award winning film director.

ผู้กำกับ Adrian Lyne

ผู้กำกับ Anthony Minghella

ผู้กำกับ Ang Lee


ผู้กำกับชั้นยอดจากเอเชีย ที่สามารถข้ามน้ำข้ามทะเลไปโด่งดังในฮอลีวูด
และคว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมในเวทีออสการ์

Alfred Hitchcock [1899-1980]


เป็นผู้กำกับที่รู้จักกันดีในวงกว้าง กับต้นแบบผลงานแนวระทึกขวัญ ลึกลับตื่นเต้น ที่ถูกยกให้เป็นหนังคลาสสิค (เป็นบิดาของหนังเขย่าขวัญ)
หลายต่อหลายเรื่องจากผลงานกว่า 50 เรื่อง
โดยเฉพาะ Psycho ที่ถือเป็นสุดยอดของหนังเขย่าขวัญไม่ว่ายุคสมัยใด
และอีกหลายๆ เรื่องที่ถือว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้กัน

อากิระ คูโรซาวา (Akira Kurosawa)


อากิระ คูโรซาวา (Akira Kurosawa) ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังชาวญี่ปุ่น ภาพยนตร์หลายเรื่องของคุโรซาวาขึ้นทำเนียบหนังคลาสสิคตลอดกาล อาทิเช่น Rashomon, Seven Samurai, Rhapsody in August, Throne of Blood, Dreams... "IF a Work can’t have meaning to Japanese Audiences, I-as a Japanese artist-am Simply not Interested"